WHO เตือนเลี่ยง “ฉีดวัคซีนผสมสูตร” ชี้ยังขาดข้อมูลเรื่องผลกระทบ อาจเป็นอันตรายต่อผู้รับยา

หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก ออกโรงเตือนนานาประเทศทั่วโลกว่า ไม่ควรฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ผสมสูตรให้กับประชาชน เนื่องจากจะเป็นการก่อให้เกิดกระแส “เทรนด์อันตราย” ย้ำยังไม่มีข้อมูลรองรับเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพ 

วันนี้ (13 ก.ค.) ในระหว่างการแถลงข่าวรายวัน ในวันจันทร์ ที่นครเจนีวาเทดรอส แอดฮานอม เกรเบเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 จากทั่วโลกกลับมาเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็พุ่งสูงอีกครั้งหลังลดลงมาตลอด 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักของสถานการณ์ที่เลวร้ายลงนี้คือ การแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์สายพันธ์เดลตา ที่ค้นพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย และกลายเป็นสายพันธุ์หลักไปแล้ว ซึ่งปัจจุบัน มีการพบเชื้อไวรัสสายพันธุเดลตาแล้วในพื้นที่กว่า 104 ประเทศทั่วโลก และหลายประเทศยังไม่ได้รับวัคซีนเพียงพอในการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ของพวกเขาด้วยซ้ำ

เกรเบเยซุส กล่าวว่า รายงานจากสำนักงานองค์การอนามัยโลกจาก 6 ภูมิภาค ชี้ว่า โรงพยาบาลในหลายประเทศเริ่มขาดบุคลากรและเตียงเพื่อดูแลผู้ป่วยอีกครั้งแล้ว และเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตานั้นยังแพร่กระจายไปยังพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนสูง และส่งผลกระทบต่อผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดและกลุ่มคนที่มีความเปราะบางด้วย

เกรเบเยซุส ยังตำหนิประเทศร่ำรวยทั้งหลายที่มีการฉีดวัคซีนให้ประชากรในอัตราที่สูงแล้ว รวมทั้งบริษัทยา ไฟเซอร์ (Pfizer) และ โมเดอร์นา (Moderna) ผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่กำลังพิจารณาการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันอยู่ ในช่วงที่ประเทศอีกจำนวนมากยังขาดแคลนวัคซีนแม้สำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุขและกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง

เขากล่าวว่า ข้อมูลปัจจุบันแสดงให้เห็นว่า “การฉีดวัคซีนครบโดสนั้นจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต้านการอาการป่วยโควิด-19 ที่รุนแรงและถึงแก่ชีวิต ให้กับตัวผู้รับไปได้อีกนาน” ดังนั้น ความจำเป็นเร่งด่วนในตอนนี้ต้องเป็นการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดแม้แต่เข็มเดียวมากกว่า

ด้านไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการงานด้านสาธารณสุขฉุกเฉินของ WHO กล่าวเสริมว่า กิจกรรมขนาดใหญ่ที่จัดขึ้นในภูมิภาคที่มีการฉีดวัคซีนระดับหนึ่งแล้ว เช่น การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ที่อนุญาตให้มีผู้เข้าชมในสนามแบบไม่เต็มพื้นที่ เป็นตัวอย่างของความยากลำบากสำหรับรัฐบาลที่ต้องดำเนินมาตรการจำกัดต่าง ๆ เพื่อควบคุมการระบาดที่เหมาะสม

ขณะเดียวกัน สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ดร.โสมญา สวามินาธาน (Soumya Swaminathan) หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกโรงเตือนนานาประเทศทั่วโลกว่า ไม่ควรฉีดวัคซีนโควิดที่ผสมสูตรให้กับประชาชน เนื่องจากจะเป็นการก่อ “เทรนด์อันตราย” (dangerous trend) เพราะมีข้อมูลน้อบมากเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพในการดำเนินการดังกล่าว

ดร.โสมญา กล่าวว่า การให้พลเรือนมีโอกาสที่จะเลือกได้ว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 หรือ 3 หรือ 4 ได้เมื่อใดและจะใช้วัคซีนของผู้ผลิตรายใด จะกลายเป็นความเสี่ยงทำให้สถานการณ์ในบางประเทศกลายเป็นความวุ่นวายมากขึ้นได้

Xหัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ WHO ย้ำว่า สิ่งสำคัญในเวลานี้คือต้องให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะจากรายงานอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่ส่งมาจากทั่วโลก รวมถึงสายพันธุ์เดลตาที่ทำให้การระบาดรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังมีโอกาสติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้จริง แต่วัคซีนก็ป้องกันร่างกายของคนที่ฉีดไม่ให้รับความเสียหายจากอาการเจ็บป่วยรุนแรง และส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่มีอาการใดๆ เลย เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว นอกจากจะไม่ได้แสดงอาการใดๆ เมื่อได้รับเชื้อแล้ว ผลการศึกษาวิจัยบางฉบับในเบื้องต้นยังพบอีกว่า ไวรัสในร่างกายของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังเกิดขึ้นได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการฉีด ซึ่งหมายความว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นพาหะนำไวรัสไปติดยังคนอื่นๆ เพราะฉะนั้น การฉีดวัคซีนจึงมีผลต่อการลดความเสี่ยงและลดอัตราการแพร่ระบาดได้

ตัวแทนจากองค์กรอนามัยโลก ยังเปิดเผยอีกว่า หากพิจารณาจากข้อมูลของทางการสหรัฐฯ พบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในที่สุด ส่วนใหญ่ล้วนเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ดร.โสมญา ยังคงเตือนว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนยังมีโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัสอยู่ ดังนั้น WHO จึงยังคงกระตุ้นให้ผู้คนสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

เครดิต: ผู้จัดการออนไลน์